วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Korea Trip : 01 : Seoul 29 Dec 2015 - 07 Jan 2016 (การเดินทางแบบไปเที่ยวเองในประเทศเกาหลีใต้ 10 วัน 9 คืน Season 1)

สวัสดีครับทุกๆท่านที่เข้ามาชม Blog ของผมวันนี้ วันนี้ผมจะเล่าถึงประสบการณ์ที่ผมไปเที่ยวที่เกาหลีมา 10 วัน 9 คืน กันนะครับ ซึ่งเป็นการไปเที่ยวเองครั้งแรกครับ ซึ่งได้ประสบการณ์เยอะมากครับ ลองเข้ามาชมกันเลยครับ

ก่อนอื่นผมกับเพื่อนได้จองตั๋วเครื่องบินไว้ล่วงหน้าแล้วตั้งแต่ประมาณช่วงเดือนสิงหาคมและได้หาที่พักประมาณช่วงตุลาคม พอได้ 2 อย่างก็เหลือแค่เก็บเงินผจญภัยในต่างแดน 555+

               พอคิดหารเฉลี่ยตกคนละ 10,300 บาทโดยประมาณ ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ (ดอนเมือง-โซลหลังจากนั้นก็จะถึงวันเดินทางแล้ว ที่พักได้แล้วที่ K-Pop Guesthouse แถวๆ Seoul Station

วันที่ 1 : 29 December 2015



      ผมไปสายการบินของ Thai Air Asia X โดยขึ้นเครื่องประมาณ 08:05 โดยประมาณเวลาไทย โดยก่อนไปได้ถ่ายรูปบัตร T-Money ไว้ก่อนซึ่งผมเตรียมไว้พร้อมกับเพื่อนแล้ว 555+


        โดยถึงที่ประเทศเกาหลีใต้ประมาณ 15:20 (โดยประเทศเกาหลีใต้มีเวลาเร็วกว่าบ้านเราประมาณ 2 ชั่วโมงครับ) พอถึงที่เกาหลีก็มุ่งไปยังที่พักคือ K-Pop Guesthouse ครับ

    
    ซึ่งถ้าจำไม่ผิดอากาศตอนนั้นประมาณ 1 องศา (หนาวมั้ยล่ะครับ) ผมแต่งชุดแบบนี้ทันทีเลยครับ 555+


   พอถึงที่จำได้แม่นเลยครับ เดินหลงไปหลงมาจนออกจากที่พักมาประมาณ 6 โมงเย็นเลยมาหาข้าวเย็น เพื่อนแนะนำศูนย์อาหารแถว Seoul Station เมนูแรกของทริปนี้คือ จัมปง (5,000 W) ก็ประมาณ 150 บาทบ้านเรา เยอะมากครับชามนี้



    หลังจากนั้นไม่รู้จะไปไหนก็ไปเดินเที่ยว เมียงดง (มยองดง) ซึ่งถ้าหลายคนเคยอ่านหนังสือ จะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นสยามของเกาหลี ใช่เลยครับ แต่บ้านเค้าคึกคักมาก ผมเดินถึงห้าทุ่มเลย และก็เสียเงินกับอัลบั้มเพลงเกาหลีจนได้ 555+


    ร้านนี้เลยครับ ถูกที่สุดในเกาหลี ขอย้ำครับ คนไทยมาหิ้วอัลบั้มร้านนี้เยอะมาก โดยการเดินทางพอขึ้นมาจากสถานีเมียงดง ทางออก ที่ 5 เดินตรงมาอยู่ซ้ายมือครับ !!!



     อีกร้านเดินตรงไปเลี้ยวไปทางขวาอีกด้านนึง ก็จะเจอครับ ร้านนี้เน้นของ SM เป็นหลัก ถ้าใครไม่อยากไปร้าน SUM แวะมาร้านนี้ได้ครับ !!!



     หลังจากนั้นก็กลับไปที่พักแค่วันแรกก็ใช้เงินไป 100,000 กว่าวอนแล้ว อะไรเนี่ย วันแรกเองนะ 555+ สุดท้ายกลับมาเป็น Apink Calendar 2016 ได้เจ้าโบม !!! แล้วก็หมดวันแรกครับ



วันที่ 2 : 30 December 2015

     วันนี้เริ่มต้นจากที่ไม่มีโปรแกรมแต่มีคนบอกว่ามีนิทรรศการที่ Coex Mall และมีศิลปินมาแสดงด้วย เข้าฟรี (ก็ไปสิครับ) โดยมื้อเช้านั่งทานขนมปังอยู่ที่พัก



     หลังจากนั้นช่วงกลางวันก็ไปทานราเมนขึ้นชื่อแถว Seoul Station ชื่อร้าน Ramen Champion (มื้อนี้โดนไป 8,000 วอน = 240 บาท 555+)


    พอทานมื้อกลางวันเรียบร้อยแล้ว ก็รีบไป Coex Mall ทันที เพราะมีคนบอกว่า จะมีศิลปินวง Twice ขึ้นโชว์ตอน 13:00 น. ก็รีบไปด่วน โดยงานนี้ต้องลงทะเบียนก่อนนะครับถึงจะเข้างานได้


    พอเข้าไปในงานก็เห็นวง Twice ทันที บอกตามตรงครับว่าไม่ได้ตามวงนี้ แต่เห็นเป็นงานเข้าฟรี ก็ไปดู เผอิญไปช่วงเข้าเริ่มแสดงเลยมองเห็นไกลๆ แต่ก็ฟินนะครับ เพราะวงนี้เป็นวงน้องใหม่ แฟนคลับเพียบ 555+



     มีตอนสัมภาษณ์ด้วยเลยถ่ายรูปมาให้ดูครับ ^_^



     คิดว่าจะกลับแล้วดันมีวง  9muses มาอีกวง เลยรอดูครับ (บอกได้ว่าวงนี้ไม่ได้ตามแต่เพลงเพราะมาก) เลยดูจนจบเลยครับ



     หลังจากนั้นก็เดินถ่ายรูปเลยในงาน ซึ่งเค้าจะมีประวัติของรายการทางสถานี SBS เยอะเลย (โดยเฉพาะรายการ Running Man ซึ่งคนไทยน่าจะรู้จักดีครับ)



      หลังจากนั้นก็ไป Coex Mall ที่เป็นร้านของ SM Town ว่าแล้วต้องไปดูให้ได้ (อย่ารอช้าไปกันเลยครับ)



        คิดว่าเดินเฉยๆ สุดท้ายก็เสียตังส์กับ Red Velvet Calendar 2016 ซึ่งขายวันนี้เป็นวันแรกมั่ง 555+ โดนไป 1 กล่องราคา 35000 วอน = 1,050 บาท ครับ




หลังจากนั้นเพื่อนผมอยากไปสถานีโทรทัศน์ MBC เลยไปเลยครับขอบอกว่าไกลมากนั่งรถไฟฟ้าไปเกือบ 20 สถานี น่าจะถึงประมาณเกือบหกโมงครึ่งได้มั่งครับ




       พอถึงที่นั่นแล้วก็ดูรอบๆ เป็นข้อมูลศึกษาไว้ครับ หลังจากนั้นก็ไปหาอะไรทานมื้อเย็น โดยผมเลือกทาน จาจังมยอน โดยจานนี้ราคา 4,000 วอน = 120 บาทครับ อร่อยดีครับเจ้านี้ ^_^



         หลังจากนั้นก็กลับที่พักโดยหาโซจูกับบะหมี่ทานในที่พักซึ่งไม่รู้ตัวว่าตัวเองดื่มโซจูไปครึ่งขวด (รสดั้งเดิมด้วย) เลยเมาหลับไปเลยครับ 555+ หมดวันที่สองแล้วครับ !!!



วันที่ 3 : 31 December 2015

       วันนี้ผมได้แยกกับเพื่อนผม โดยผมอยากลองไปเดินดูค่ายเพลงของเกาหลี ที่รู้ๆกันว่าใครมาเกาหลี จะต้องไปค่ายเพลง ผมเลยขออาสาเล่าให้ฟังแล้วกันครับ



               ผมออกมาจากที่พักช่วงสายๆ ครับ เสร็จแล้วนั่งรถไฟมาลงที่สถานีกังนัมซึ่งผมจะแวะไปร้าน Kyobobook ก่อนครับ ซึ่งสาขานี้ใหญ่มากครับ จุดประสงค์เพื่อมาหานิตยสารเล่มนึง (สุดท้ายก็ไม่เจอ 555+) เลยเดินเล่นแล้วกันครับ 555+



         หลังจากออกร้าน Kyobobook ผมก็แวะไปหาของกิน ตอนนั้นน่าจะประมาณ 13:00 น. อากาศตอนนั้นประมาณ 7 องศา เลยแวะทาน ต็อกโบกี ร้านรถเข็นมาภาพให้ชมครับ



         อยากจะบอกว่าต็อกโบกีให้เยอะมาก แต่น้ำในถ้วยนี่ เลี่ยนมากครับ เหมือนน้ำซุปมาม่าเลย ผมเลยต้องไปเซเว่นซื้อน้ำเปล่าดื่มครับ 555+



            หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟไปลงสถานี Apgujeong Rodeo ซึ่งมีค่ายเพลงของเกาหลีอยู่ย่านนี้เยอะมากครับลองมาดูเลยแล้วกันครับ



            รูปนี้ไม่เกี่ยวกันนะครับ ค่ายของวง KARA อยู่อีกที่นึงครับ ผมก็งงครับ 555+


           ค่าย JYP ค่ายนี้น่าจะรู้จักนะครับ ไม่ขออธิบายอะไรมากครับ เจอคนไทยนั่งรอศิลปินอยู่ตรงข้ามตึกด้วยครับ 555+


          ค่าย CUBE (อันนี้เป็นแค่ Cube Studio นะครับ) เป็นห้องซ้อมครับถ้าบริษัทอยู่ข้างหลังอีกถนนเส้นนึงครับ ไหนๆก็มาแล้วผมขอแวะเข้าไปดูข้างในดีกว่า (เข้าได้นะครับ ข้างในเป็นร้านกาแฟ)


          เห็นอัลบั้มศิลปินพร้อมลายเซ็นเต็มเลยครับ ผมก็นั่งดูอยู่เรื่อยๆครับ บ้างก็มีแฟนคลับชาวต่างชาติมาดูอยู่ตรงมุมนี้ด้วยครับ ต่อไปจะเจออะไรอีกมาดูเลยครับ


           และแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็มาเยือนครับ ผมได้เจอศิลปินค่ายนี้ครับ คือน้องยูจินวง CLC ซึ่งเป็นวงเดียวกับน้องสรศิลปินไทยในวงนี้ครับ เจอแบบตัวต่อตัวด้วยครับ ได้คุยด้วยครับ แต่คุยสักครู่น้องเค้าต้องไปซ้อมต่อครับ ช็อคเลยครับมาครั้งแรกเจอตัวเป็นๆเลยครับ ^_^

             หลังจากนั้นกลับไปยังที่พักเพื่อไปเจอเพื่อน โดยเพื่อนผมบอกว่าวันที่ 2 กับ 3 จะมีงาน Fansign ของศิลปินวง April ผมก็งงๆอยู่นิดครับ ถ้าไม่เคยเข้างานนี้ก็ยังไม่รู้สึกอะไรนะครับ ผมเลยลองดูสักตั้งครับ โดยผมกับเพื่อนไปร้านซีดีเพื่ิอหาข้อมูลครั


           ซึ่งห้างแรกที่จะเข้างานวันที่ 2 ผมไม่ได้ถ่ายรูปมาครับ TT แต่ผมเอางานวันที่ 3 มาให้ชมแทนครับ (ผมไม่ได้เข้านะครับ เนื่องจากผมอยากไปเที่ยวต่อครับ)


           ซึ่งผมจะอธิบายอย่างนี้ครับ คือการเข้างาน Fansign นี้ จะต้องมีเงินซื้ออัลบั้มเพื่อลุ้นสิทธิ์การเข้าครับ โดย 1 อัลบั้มได้ 1 สิทธิ์ครับ ผมกับเพื่อนผมเลยซื้่อ 6 อัลบั้มเลยครับ เพื่อให้มีโอกาสลุ้นเข้างานมากครับ (ดวงด้วยนะครับ 555+)


           หลังจากนั้นผมก็กลับที่พักโดยได้ Countdown แถวที่พักครับ (Seoul Station) แล้วก็หมดวันที่ 3 แล้วครับ !!!


วันที่ 4 : 01 January 2016



            วันที่สี่ก็เริ่มจากการไปอาหารเช้า+กลางวันพร้อมกัน ก็ไปทานบะหมี่เย็นร้านที่ไปวันแรกๆ ราคาอยู่ที่ประมาณ 7,000 วอน (210 บาท) รสชาติก็ดีไปอีกแบบครับ 555+



            หลังจากนั้นก็เดินทางไปย่านยงซาน ซึ่งเป็นย่านเครื่องใช้ไฟฟ้าของเกาหลี ก็เหมือนกับเรามาเที่ยวคลองถม+พันธุ์ทิพย์บ้านเรา ซึ่งของเยอะมาก ผมเดินไม่ทั่วเลยครับ 555+


           หลังจากนั้นก็เดินทางไปสวนสนุก Lotte World ซึ่งเป็นสวนสนุกในร่มของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งมาครั้งแรกของวันแรกในรอบต้นปีพอดี ซึ่งคนเยอะมาก 555+


           อันนี้ส่วนข้างนอกของสวนสนุก Lotte World ครับ



          เนื่องจากก่อนไปได้ทำการปริ้นท์ส่วนลดเข้าสวนสนุกไว้ เลยได้เอาคูปองมาแลกทานพิซซ่าฟรี 1 ชิ้น ซึ่งชิ้นใหญ่มากๆครับ 555+


         และแล้วก็เดินทางไปแถวย่านฮงแด เจอร้านขาไก่ที่ Apink ได้ไปทานบ่อยๆ แต่น่าเสียดายร้านปิด TT


         เลยเปลี่ยนแผนมาทานร้านหมูกระทะ 10,000 วอน (300 บาท) แทน คือหัวละ 10,000 วอนทานไม่อั้นคุ้มดีนะกับค่าครองชีพที่นั่น 555+



          อิ่มเลยทีเดียวร้านนี้ แต่ที่น่าแปลกใจหมูไม่อั้นแต่ผักตักได้ครั้งเดียว แต่เราตักมา 2 ครั้ง แต่เนื่องจากเราไม่ใช่คนเกาหลี ทางคุณป้าใจดีเลยให้ชุดผักฟรีๆ สำหรับวันที่ 4 ก็หมดเพียงเท่านี้ครับ

วันที่ 5 : 02 January 2016




          ก่อนอื่นพักหาข้าวรองท้องก่อน โดยช่วงสายๆ แวะทานข้าวแกงกระหรี่ที่ร้านแถวใกล้ๆ ที่พักก่อน ซึ่งรสชาติใช้ได้เลยครับ



         เนื่องจากเมื่อวานผมกับเพื่อนของผมเป็นผู้โชดดีได้มีโอกาสเข้างาน fansign ของศิลปินวงนึง (ซึ่งขอเก็บเป็นความลับก่อนนะ) เลยมาสำรวจสถานที่ก่อนครับ ซึ่งหาไม่ยากมากเพราะใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า เลยมาสำรวจช่วงประมาณสายๆครับ



          ช่วงระหว่างรอเข้างาน fansign เลยแวะไปค่ายเพลงครับ ซึ่งวันนี้ผมไปค่าย DSP Media มาครับ ซึ่งมีศิลปินดังๆอยู่มากมาย อาทิเช่น Kara Rainbow ซึ่งแต่ก่อนมีตำนานศิลปินอยู่หลายวงอาทเช่น Fin.K.L Sechkies SS501 เป็นต้นครับ ซึ่งค่ายนี้เหมือนอยู่ในหมู่บ้านเลยครับ 555+


            ในที่สุดก็ถึงเวลาของการเข้างาน fansign ซึ่งเวลาที่เกาหลีประมาณ 5 โมงเย็น ซึ่งผมมาถึงประมาณบ่าย 3 โมงครึ่ง ซึ่งยังไม่มีใครมาเลยครับ ซึ่งงานจัดอยู่ในพิพิธภัณฑ์เด็กอยู่ชั้นใต้ดินครับ ซึ่งผมตื่นเต้นมากครับ ซึ่งเป็นการเข้างาน fansign ครั้งแรกของผมเลยครับ



           ซึ่งงาน fansign ครั้งนี้จะมีผู้โชดดีอยู่ทั้งหมด 100 ครับ ซึ่งเค้าจะให้จับฉลากเพื่อเลือกเบอร์การเข้างาน fansign ครับ ซึ่งปรากฏว่าเพื่อนผมไปจับก่อนได้เบอร์ 28 ครับ ส่วนผมได้เบอร์ 5 ครับซึ่งอยู่แถวแรกเลยครับ เลยมีโอกาสไปก่อนเพื่อนครับ



           ซึ่งศิลปินที่ผมได้เข้างาน fansign ก็คือวง April ครับ ซึ่งเป็นวงน้องใหม่ของวงการเพลงครับ ซึ่งจะมีอายุเฉลี่ยประมาณ 17-18 ปีครับ ซึ่งผมอยู่แถวหน้าจะเห็นน้องๆชัดมากเลยครับ 555+


          ซึ่งผมก็ได้เตรียมอัลบั้มพร้อมเรียบร้อยพร้อมให้น้องๆ เซ็นลงอัลบั้มซึ่งเพิ่งแกะก่อนเข้าห้องประชุมเมื่อกี้เองครับ 555+




         หลังจากนั้นก็ถึงคิวของผมซึ่งครั้งแรกที่ได้เจอน้องๆ เค้าผมถึงกับช็อคเลยครับ ซึ่งใกล้มากแล้วได้พูดคุยกับเค้าด้วยครับ ซึ่งภาษาเกาหลีของผมตอนนั้นเท่ากับว่าเป็น 1% เลยครับ เลยพูดภาษาอังกฤษไปแล้วเขียนภาษาเกาหลีลง postit ซึ่งน้องๆเค้าก็เข้าใจครับ โดยเมนผมก็คือ น้องนาอึน ส่วนคนที่ผมฮาที่สุดก็คือมักเน่ของวง น้องจินโซลครับ 555+


        หลังจากนั้นสาวๆ ก็กล่าวคำขอบคุณสำหรับทุกๆคนที่มาร่วมงานครับ คงฟินกันทั่วหน้าครับ เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันครับ


        หลังจากนั้นเวลาก็ประมาณทุ่มกว่าๆ ผมเลยมาหาข้าวทานที่ ศูนย์อาหารแถวที่พักซึ่งคราวนี้ ทานข้าวห่อไข่ไก่ทอด ซึ่งขอบอกว่าอร่อยอิ่มคุ้มมากครับ


       หลังจากเหลือเวลาว่างผมก็กลับมาเดินเล่น แถวๆเมียงดง ซึ่งได้บรรยากาศอยู่ครับ เพราะตอนนั้นอากาศหนาวมากๆครับ เอาว่าเดินเล่นก่อนกลับที่พักและกันครับ 555+


      หลังจากนั้นกลับที่พักก็มาดูลายเซ็นที่น้องๆ วง April ได้เซ็นให้ครับ ซึ่งเมนของผมเขียนภาษาไทยได้น่ารักมากๆครับ แอบปลิ้มนิดๆ แล้วก็ถึงเวลาเข้านอนครับ แอบฝันดีด้วยครับ 555+

วันที่ 6 : 03 January 2016


     วันต่อมารู้สึกว่าเงินในกระเป๋าเริ่มใกล้จะหมดลงแล้ว (เปล่าหรอกครับ พอดีมาหลายวันก็เซฟเงินนิดนึง 555+) มื้อเช้าเลยเริ่มจากของเบาๆ มาม่าถ้วยนึงของที่ศูนย์อาหารครับ 555+


    พอทานอิ่มก็มาเดินแถวตลาดทงแดมุน ซึ่งจะรวมแหล่งเสื้อผ้าไว้มากมาย ซึ่งผมเลือกเดินข้างนอก เพราะราคาถูกแล้วมีของสวยๆงามๆเยอะด้วยครับ ผมได้กระเป๋าจากที่นี่มา 1 ใบด้วยครับ 555+


    หลังจากนั้นไม่มีเป้าหมายการเดินทางครับ ซึ่งผมกับเพื่อนแยกกันเดินครับ เพื่อนผมไปเข้างาน fansign ส่วนผมเลือกมาค่ายเพลงซึ่งเจาะจงไปที่ค่าย SM Entertainment ซึ่งหลายคนคงรู้จักนะครับ แต่ในรูปดังกล่าวเค้ากำลังปิดปรับปรุงอยู่ครับ (T_T)


    อันที่จริงตึก SM Entertainment มี 2 ที่ครับ รูปดังกล่าวคืออีกที่นึง ซึ่งไม่ไกลจากที่ๆ ปรับปรุงครับ ว่าแต่ไม่มีใครอยู่เลย (เค้าไปไหนกันหมดหว่า) อันนี้ผมก็งงๆอยู่ครับ แต่ไม่เป็นไรก็คิดว่าครั้งนึงผมเคยมาแล้วกันครับ 555+


    และแล้วก็กลับไปเจอเพื่อนผมก็เจอเครื่องดื่มที่ apink เป็นพรีเซ็นเตอร์ซึ่งผมก็หามานานว่ามันขายที่ไหน 555+ ในที่สุดก็เลยซื้อมาลองซึ่งตอนนั้น โปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 ก็เลยจัดมาชุดนึงครับ 555+


    และเพื่อนผมแจ้งว่าจะมีวง April ที่เมื่อวานผมได้เข้างาน fansign มาเข้ามาเล่น mini concert ด้วย (Lotte World) ซึ่งผมก็มาเจอกับเพื่อนที่นี่ครับ เท่ากับว่าเที่ยวนี้ผมมาที่นี่ 2 วันเลยครับ





    แล้ว April ก็มาจริงเล่น 3 เพลง คุ้มมากครับ เป็นงานฟรี แค่เสียค่าบัตรผ่านประตูเข้าสวนสนุกเท่านั้นครับ ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบครับ 555+


    หลังจากนั้นก็ถึงช่วงค่ำของที่นั่นเลยแวะไปหาอะไรทานครับ แต่ที่โชดดีกว่านั้น คือตอนซื้อบัตรเข้ามาผมมีคูปองแลกพิชซ่าได้คนละ 1 ชิ้น เลยไปทานของฟรีแทนครับ 555+


    มีหลักฐานด้วยครับ 555+ หลังจากนั้นก็เดินทางกลับที่พักแล้วพักผ่อนครับ จบวันที่ 6 ครับผม

วันที่ 7 : 04 January 2016




       และแล้วก็ถึงวันที่ 7 ผมตื่นตีสี่ครึ่งเพื่อจะออกไปต่างจังหวัดบ้างครับ โดยเป้าหมายอยู่ที่เขาซอรัคซานซึ่งที่นี้มีความหมายมากมายครับ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดเพลงอารีดังครับ โดยนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปลงที่ Gangbyeon แล้วไปซื้อตั๋วไป Sogcho (ซึ่งผมเรียกว่าซกโซครับ) จะอยู่ทางตอนบนของประเทศเกาหลีใต้ครับ พร้อมแล้วลุยกันเลยครับ




      แวะเติมพลังด้วยร้านเต็นท์ผ้าใบครับ ซึ่งใช้เวลาทานอาหารเพียงแค่ 10 นาทีครับ เพราะกลัวตกรถ 555+


       เนื่องจากนั่งรถไปไม่ถึงเขาซอรัคซานครับ ต้องนั่งรถเมล์ต่อไปอีกครับ เลยขอถ่ายภาพหน้ารถที่นั่งมาจาก Seoul หน่อยครับ 555+


        รถที่นั่งเป็นสาย 7-1 ครับซึ่งปลายทางจะถึงเขาซอรัคซานพอดีเลยครับ ซึ่งผมกับเพื่อนต้องหยอดกล่องพลาสติกใสเป็นค่าโดยสารครับ


       ตอนนี้ใกล้ถึงเขาซอรัคซานแล้วครับ ดูสภาพท่าทางอากาศจะหนาวมากๆครับ (ซึ่งผมลืมถุงมือไว้ที่พักด้วยอ่ะครับ TT)


       พอถึงแล้วเราต้องซื้อตั๋วเขาชมก่อนครับ ซึ่งเงินที่เราจ่ายไปจะเป็นค่าอนุรักษ์ให้กับที่นี่ครับ


       เสร็จแล้วเราก็จะขึ้นไปยอดเขาก็ซื้อตั๋วขึ้นกระเช้าไปอีกครับ โชดดีมาเที่ยวแรกคนเลยไม่เยอะมากครับ 555+


       ซึ่งบรรยากาศสวยมากครับ ผมเริ่มชักชอบแล้วซิครับ เพราะว่าเป็นการเที่ยวต่างจังหวัดแบบไปเองเป็นครั้งแรก และบรรยากาศดีมากครับ

       พอลงจากกระเช้าอากาศนี่มันหนาวชัดๆเลยครับ น้ำแข็งเกาะด้วยครับ แต่ผมชอบนะ เพราะบ้านเราไม่หนาวเลยครับ 555+




      สังเกตได้ว่ามีแดดออกมาครับ แต่อากาศน่าจะติด - ครับเพราะผมน้ำมูกไหลตลอดเวลาเลยครับ หนาวมากๆๆๆ 555+


      หลังจากนั้นก็เตรียมเดินทางกลับ Seoul ครับ เพื่อจะไปจุดหมายที่ต่อไปครับ 555+


      ช่วงบ่ายผมก็มาถึงที่ๆใครก็อยากจะมาเที่ยวครับ นั้นก็คือสวนสนุกเอเวอร์แลนด์ครับ 



       ซึ่งอากาศที่นั้นเย็นมากครับ ผมเลยขอเดินสำรวจดูก่อนครับ ซึ่งอากาศดีมากครับ 555+



       ซึ่งบรรยากาศยามค่ำคืนสวยมากครับ ผมนี้เดินเรื่อยเปื่อยเลยครับ 555+




        ซึ่งไหนๆก็มาแล้วขอเล่นเครื่องหน่อยครับ ซึ่งผมเอาแบบง่ายๆเลยครับ คือ Bumper Car ครับ หรือบ้านเราเรียกว่า รถบั๊มส์ นี่เองครับ 555+


        ก่อนกลับที่พักขอลองข้าวยำร้านแถว Seoul Station สัก หน่อยครับ ซึ่งให้เยอะมากครับ และแล้วก็หมดวันที่ 7 ครับ 555+

วันที่ 8 : 05 January 2016


        เนื่องจากไปเที่ยวมาหลายวันแล้วขอลองเที่ยวใน Seoul บ้างครับ เริ่มด้วยหาอะไรทานก่อนครับ เมนูคือข้าวแกงกระหรี่ห่อไข่ครับ ราคาประมาณ 7,500 วอน (225 บาทครับ) อร่อยมากครับ ขอบอก 555+



       หลังจากนั้นผมไปตลาดนัมแดมุนมาครับซึ่งคนเยอะใช้ได้เลยครับ ผมเลยเดินไปเรื่อยๆ เพื่อจะซื้อของฝากกลับไปด้วยครับ


       และผมเห็นตึกหอคอย Seoul Tower ครับ แต่เนื่องจากพรุ่งนี้ต้องไปเที่ยวที่อื่นครับ เลยขอไว้คราวหน้าครับ 555+

       ช่วงเย็นก็ไม่เป้าหมาย มาเดินเลยที่เมียงดงตามเคยครับ 555+


       ก่อนกลับที่พักขอลองเบอร์ร้านนี้หน่อยครับ ร้าน LO ซึ่งบ้านเราไม่มีครับ รสชาติโอเคเลยครับ และแล้วก็หมดวันที่ 8 ครับ 555+

วันที่ 9 : 06 January 2016


        ใกล้ถึงวันกลับแล้ว ที่เที่ยวก็เหลือน้อยลงครับ ดูจากมื้อเช้าครับ เลยนำเสนอมาม่าใส่ชีสครับ (ราเมนเกาหลีนี่เอง 555+) ทาน 4,000 วอน (120 บาท) เสร็จแล้วก็เดินทางต่อครับ


         และแล้วผมเลยเลือกมาเดิน อินซาดง ซึ่งมีของพื้นเมืองขายมากมายครับ แนะนำให้เดือนทางที่รถทัวร์ไม่จอดครับ เพราะจะได้ของที่ถูกกว่าเยอะครับ มาทางรถไฟฟ้าใต้ดินครับ


          อากาศเย็นใช้ได้เลยครับ ผมขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก่อนจะกลับเมืองไทยพรุ่งนี้ครับ 555+


           ก่อนนอนนึกขึ้นได้ว่าไปอินซาดงไปเจอ นิตยสารแจกฟรี ครับ อุ๊ย! ลงปกแทยอน ด้วยสิครับ จะเหลือหรือครับ หยิบสิครับ และแล้วก็หมดวันที่ 9 ครับ 555+ 

วันที่ 10 : 07 January 2016



            เนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะต้องกลับเมืองไทย ขอเริ่มด้วยอาหารเช้าครับ ซุบใส่สาหร่าย พร้อมขนมปังปิ้งครับ ของฟรีจากที่พักครับ 555+




            อันนี้เป็นภาพบรรยากาศที่พักครับ ซึ่งชั้นล่างเป็นร้านกาแฟครับ เจ้าของนิสัยดีมากครับ friendly มากครับ 555+


            ก่อนกลับขอถ่ายภาพกับเจ้าของที่พักเป็นที่ระลึกครับ และแล้วการเดินทางก็ถึงที่สิ้นสุดแล้วครับ ไว้จะมาใหม่นะครับ  555+

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น